รีวิวหนัง

รีวิวหนัง | Censor

แนวภาพยนตร์ : แนวระทึกขวัญแนวเสียดสี แนวตลก
ภาพยนตร์ประเทศสหรัฐอเมริกา
ผู้กำกับ : เจ เบลเกสัน
ผู้เขียนบท : เจ เบลเกสัน
นักแสดง : Rosamund Pike Peter Dinklage Eiza González Chris Messina Dianne Wiest

“I Care a Lot” เล่าเรื่องของ Marla Grayson (Rosamund Pike จาก Gone Girl) ผู้ที่เบื้องหน้าทำอาชีพเหมือนนางฟ้าคือ ดูแลและอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ แต่เบื้องหลังคือนางมารร้าย จำพวก con-aritst ที่ต้มตุ๋น หลอกลวง ปอกลอกและเอาผลประโยชน์กับทรัพย์สมบัติ เงินบำนาญ หรือมรดกของคนแก่วัยเกษียณเหล่านั้น โดยมี “Fran” (Eiza González จาก Baby Driver) แฟนสาวของเธอเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ

หนังแนว dark comedy thriller สัญชาติอเมริกา ที่ถูกเขียนบทและกำกับโดย “J Blakeson” ซึ่งผลงานการกำกับสร้างชื่อของเขาคือ The 5th Wave โดยในครั้งนี้ได้กลับมาสร้างชื่อเสียงและเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งกับการกำกับภาพยนตร์แนวตลกร้ายอย่างเรื่องนี้

“I Care A Lot” เป็นเรื่องราวของ Marla Grayson ผู้ดูแลทางด้านกฏหมาย เธอเป็นเจ้าของศูนย์พักพิงคนชราและผู้ยากไร้ ภายใต้ของกฏหมายในประเทศ ซึ่งภายนอกเธอทำตามหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมาย แต่ทว่าแท้จริงแล้ว เธอเป็นนักต้มตุ๋นและอาชญากรชั้นดี โดยเธอจะทำการฮั้วกับเจ้าหน้าหรือแพทย์ผู้ดูแลคนชรา (ที่มีเงินเกษียณหรือร่่ำรวย) แต่ทว่าไม่สามารถดูแลตัวเองได้ พร้อมทั้งต้องไม่มีผู้ดูแลอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นศาลจะตัดสินใจบุคคลเหล่านั้นได้รับการดูแลโดยผ่านศูนย์ดูแลที่อยู่ภายใต้ศาลและจ่ายค่าดูแลตามปกติ

ในการทำงานแบบนี้ “Marla” จะมีคู่หูผู้ช่วยให้เธอทำงานได้อย่างสำเร็จลุล่วงอย่าง “Fran” แฟนสาวอดีตตำรวจ ซึ่งเหยื่อรายต่อไปคือ “Jennifer Peterson” หญิงชราวัยเกษียณ ที่มีเงินเก็บไม่ต่ำกว่า 6 แสนดอลล่าร์ ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังมีบ้านที่ตั้งในทำเลที่ดี มีรถหรูขับ ซึ่ง Marla มองว่านี่แหละคือบ่อทอง ที่เต็มไปด้วยขุมทรัพย์ของเธอ แต่เหมือนในครั้งนี้ Marla จะเลือกเหยื่อผิดคน เพราะ Jennifer ไม่ใช่หญิงชราคนธรรมดาทั่วไป และนี่คือจุดเริ่มต้นของผู้ล่าและผู้ถูกล่าในโลกแห่งทุนนิยม!

สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่าติดตามเลยนั้น คือการแสดงและการวางบุคลิกของตัวละครอย่าง Rosamund Pike เลยก็ว่าได้ เรารู้สึกว่าคนๆ นี้มีความทะนงตัว มั่นใจในตนเองทะเยอทะยาน ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีสเน่ห์ดึงดูดบางอย่างที่เป็นที่น่าจับตามอง ทำให้รู้สึกถึงตัวละครอย่างเอมี่ใน Gone Girl ที่เธอเล่น สีหน้าแววตาออกมาได้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เราหักคะแนนหนังเรื่องนี้ และ จิ๊ดใจนิดนึงคงหนีไม่พ้นตอนจบของเรื่อง เข้าใจแหละว่าต้องการสื่อถึงอะไร แต่มันขัดใจคนดู

ต่อมาส่วนสุดท้ายขอลงไปถึงแง่คิดและแก่นของเรื่อง หากใครได้ดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว จะรู้ได้เลยว่าหนังพยายามพูดถึงผู้ล่าอย่างสิงโต และผู้ถูกล่าหรือเหยื่ออย่างลูกแกะ และนั่นทำให้หนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นผู้ล่าพร้อมผู้ถูกล่าในโลกแห่งทุนนิยม ที่ไม่ว่ามีเงินหรือรวยเท่าไรแล้วก็ไม่เคยเพียงพอ เมื่อมีก็อยากมีขึ้นไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วคนเราเมื่อถึงจุดสูงสุดแห่งห่วงโซ่อาหาร ก็มักจะลืมว่า กราฟชีวิตก็จะลงดิ่งสู่อันดับล่างเหมือนเดิม เมื่อเป็นผู้ล่าก็จะมีผู้ล่าใหม่ๆ เข้ามาแทรกแทรงตลอดเวลา

และอีกนัยยะหนึ่งที่เราคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกันนั่นก็คือ การเปรียบเปรยสิงโตและลูกแกะ โดยธรรมชาติสิงโตมักจะจ้องจัดการเหยื่อตอนทีเผลอ หรือในตอนที่เหยื่อกำลังเริงรมย์กับการเสวยอาหารของตัวเองอยู่ ด้วยจังหวะนี้สิงโตจะรอจังหวะที่เหมาะๆ และตะขุบเหยื่อโดยให้เหยื่อไม่ทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ จากทฤษฏีและหลักการนี้ ทำให้เราได้รู้ว่าใครคือสิงโตและใครคือลูกแกะ ไม่เพียงแค่นั้นสุดท้ายแล้ว คนทำชั่วก็รับผลกรรมที่ตนทำก็เท่านั้นเอง